Skip to main content

นิสิต MBA Young Executive รุ่นที่ 31/2 ศึกษาดูงานที่เมืองโฮคุโตะ จังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น 

Global Business Experience – MBA Young Executive 31/2
 
คณะนิสิต MBA Young Executive รุ่นที่ 31/2 ศึกษาดูงานที่เมืองโฮคุโตะ จังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น 
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 วันแรกของกิจกรรม “Hokuto City Office and Wakamiro”
ในช่วงเช้า คณะนิสิตเดินทางโดยรถบัสจากโตเกียวสู่เมืองโฮคุโตะ เมืองที่รายล้อมด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของเทือกเขายัตสึกะทาเกะ และเทือกเขาแอลป์ตอนใต้ โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากท่านคุนิฮิโกะ โอชิบะ นายกเทศมนตรีเมืองโฮคุโตะ ณ ศาลาว่าการเมือง ก่อนเดินทางเข้าสู่ที่พัก “วาคามิโระ” เรียวกังเพียงแห่งเดียวของเมืองที่มีประวัติยาวนานกว่า 40 ปี
ในช่วงเย็น คณะนิสิตและอาจารย์ได้เปลี่ยนชุดเป็น “ยูกาตะ” ชุดญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เข้าร่วมฟังการบรรยายจากคุณโคจิ ยามาชิตะ ผู้บริหารเรียวกังวาคามิโระ ภายในห้องซึ่งก่อสร้างด้วยไม้สนซีดาร์จากอะกิตะ มอบบรรยากาศอบอุ่นและกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม โดยคุณยามาชิตะได้เล่าถึงจุดแข็งและอุปสรรคของเมือง พร้อมทั้งตอกย้ำพันธกิจของวาคามิโระที่มุ่งมั่น “สร้างเรียวกังที่เป็นความภาคภูมิใจของชุมชนและคนในพื้นที่” รวมถึงแบ่งปันแนวทางการพัฒนาโรงแรมที่มุ่งเน้นการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบกลุ่มเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนและการท่องเที่ยวของเมืองโฮคุโตะอีกด้วย
หลังจากนั้น คณะนิสิตได้ร่วมรับประทานอาหารแบบไคเซกิ ซึ่งปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่น ตามสไตล์ญี่ปุ่นหรือ Washoku 
ประสบการณ์ในวันนี้ไม่เพียงเปิดมุมมองใหม่ด้านการบริหารจัดการธุรกิจท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อนำไปต่อยอดทักษะและประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจในอนาคต แต่ยังสะท้อนถึง “Omotenashi” หรือหัวใจแห่งการบริการแบบญี่ปุ่น ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างแท้จริง
“ARSOA KEIO GROUP”
วันที่ 2 ของการศึกษาดูงาน (4 พฤศจิกายน 2568) ณ เมืองโฮคุโตะ จังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น
ในช่วงเช้า คณะนิสิตหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต รุ่นนักบริหารระดับต้น รุ่นที่ 31/2 ได้เข้าร่วมการศึกษาดูงาน ณ ARSOA KO Group กลุ่มธุรกิจญี่ปุ่นที่มุ่งสร้างความงามและสุขภาพอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “Harmony with Nature – ความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ” 
โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ที่เมืองโฮคุโตะ
แบรนด์ ARSOA ถือกำเนิดขึ้นในปี 1972 ในช่วงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ผู้หญิงญี่ปุ่นจำนวนมากประสบปัญหาผิวพรรณจากการใช้สารเคมีในเครื่องสำอาง จึงเกิดแรงบันดาลใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ นำไปสู่การสร้าง สบู่ดำ “ARSOA Queen Silver” สบู่ที่รวมพลังของ แร่ธาตุ + สารอาหารจากธรรมชาติ (ออนเซน) + ถ่านบริสุทธิ์ (Charcoal) ที่มีคุณสมบัติช่วยดูดซับสิ่งสกปรกและสารพิษออกจากผิวและช่วยฟื้นฟูสมดุลและความแข็งแรงของผิวได้จากภายในอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งกลายเป็นผลิตภัณฑ์สัญลักษณ์ของบริษัทและเป็นหัวใจที่ทำให้ ARSOA อยู่คู่ผู้บริโภคมากว่า 53 ปี
ในปี 1998 บริษัทได้ตัดสินใจย้ายสำนักงานใหญ่จากย่านชิบุย่า โตเกียว มายัง เมืองโฮคุโตะ ยามานาชิ เพื่อให้สอดคล้องกับ Purpose ขององค์กรที่เชื่อว่า “เมื่อคนและธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน จะนำไปสู่สุขภาพที่ดีและความสุขที่แท้จริง”การย้ายครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนจากบริษัทเครื่องสำอาง สู่การขยายธุรกิจด้าน อาหารเสริมและอาหารเพื่อสุขภาพ โดยเริ่มต้นจากการจัดตั้งโรงอาหารออร์แกนิกสำหรับพนักงาน ซึ่งดำเนินตามหลัก Macrobiotic เน้นไม่ให้วัตถุดิบเหลือทิ้ง ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น และจัดสมดุลระหว่างอาหารธาตุเย็นกับธาตุร้อน ต่อมาได้ขยายสู่ธุรกิจเกษตรกรรมบนพื้นฐานของสามคำสำคัญ คือ อาหาร – เกษตร – ดิน โดยให้อาหารช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต เกษตรอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และดินได้รับการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน
ในด้านสิ่งแวดล้อม ARSOA ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์น้ำและระบบนิเวศ โดยร่วมกับชุมชนปลูกป่า รักษาความสะอาดแม่น้ำลำธาร และนำน้ำฝนมาใช้ภายในอาคารสำนักงานใหญ่ที่ออกแบบอย่างยั่งยืน บริษัทสามารถ รีไซเคิลของเหลือจากกระบวนการผลิตได้ถึง 99% ตั้งแต่ปี 2014 รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์แชมพูที่ จุลินทรีย์สามารถย่อยสลายได้ 100% ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ
นอกจากนี้ ARSOA ยังดำเนินกิจกรรมด้าน SDGs อย่างต่อเนื่อง เช่น
(1)ช่วยเหลือเด็กข้างถนนทั่วโลกผ่านโครงการวาดภาพทำปฏิทินการกุศล (2)ส่งเสริมเยาวชนญี่ปุ่นปีนเขาฟูจิเพื่อสร้างกำลังใจหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว และ
(3) ลดการใช้น้ำ น้ำมัน และพลังงานในกระบวนการผลิต
อาคารสำนักงานใหญ่ยังเป็นตัวอย่างของการออกแบบเชิงนิเวศที่ได้รับรางวัล ทั้งยังมีแท็งก์เก็บน้ำฝน และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าในการก่อสร้าง สะท้อนแนวคิด “อยู่ร่วมกับธรรมชาติ” อย่างแท้จริง
สิ่งที่ทำให้ ARSOA ยืนหยัดได้กว่า 50 ปี คือพลังของผลิตภัณฑ์ ARSOA Silver และความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับผู้แทนจำหน่ายและชุมชน การขายผ่านระบบ MLM (Multi-Level Marketing) เติบโตจากความเชื่อจริงของผู้ใช้ “ใช้แล้วดี ดีจริง จึงชวนเพื่อนมาใช้” ควบคู่กับความรู้สึก ขอบคุณ ของผู้บริหารต่อพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า และธรรมชาติ ซึ่งเป็นหัวใจของการเติบโตอย่างยั่งยืน
ในปัจจุบัน บริษัทได้ขยายการลงทุนสู่ ไต้หวันและจีน โดยในไต้หวัน ARSOA บริหารจัดการเองโดยตรง รักษามาตรฐานเทียบเท่าญี่ปุ่น ส่วนในจีน ร่วมมือกับ พันธมิตรท้องถิ่น (Local Partner) เปิดร้านจำหน่ายภายใต้ชื่อ ARSOA เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดจีน
Mindset ของ ARSOA:
“สิ่งที่ดีต่อร่างกาย คือสิ่งที่ดีต่อผิว และสิ่งที่ดีต่อจิตใจ คือสิ่งที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม และโลก”
การศึกษาดูงานในครั้งนี้ทำให้คณะนิสิตได้เห็นภาพรวมขององค์กรที่ผสาน ความงาม สุขภาพ และความยั่งยืน ไว้อย่างสมดุล และเข้าใจว่าเหตุใด ARSOA จึงเป็นตัวอย่างของธุรกิจที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างงดงามและยั่งยืน
ในช่วงบ่าย คณะนิสิต MBA ได้เข้ารับฟังการบรรยายในหัวข้อ “Suntory Philosophy and Sustainable Initiatives” ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของ Suntory ในการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและการดูแลแหล่งน้ำใต้ดิน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของผลิตภัณฑ์ และสะท้อนถึงคำมั่นสัญญาภายใต้แนวคิด “Mizu To Ikiru – Living with Water” โดยในปี 2030 บริษัท Suntory ตั้งเป้าลด อัตราการใช้น้ำต่อหน่วยการผลิต (Water Intensity) ลง 35% ผลักดันการใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลแบบ Bottle-to-Bottle ให้ได้ 100% และลด การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Emissions) ทั้งในระดับโรงงานและตลอดห่วงโซ่อุปทานให้ได้สูงสุด 50%
 
จากนั้นคณะนิสิตได้เข้าเยี่ยมชม Suntory Natural Mineral Water Plant เพื่อเรียนรู้กระบวนการผลิตและบรรจุน้ำแร่อย่างเป็นระบบ ก่อนปิดท้ายด้วยการเยี่ยมชม Suntory Hakushu Distillery & Whisky Museum  ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้ได้ศึกษาความเชี่ยวชาญด้านการผลิตวิสกี้ที่ผูกพันกับคุณภาพน้ำบริสุทธิ์จากผืนป่า
การศึกษาดูงานที่ Suntory ในครั้งนี้ช่วยเสริมมุมมองด้านความยั่งยืน การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และแนวทางการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับโลก
วันที่ 3 ของการศึกษาดูงาน (5 พฤศจิกายน 2568)
ในช่วงเช้า คณะนิสิตหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต รุ่นนักบริหารระดับต้น รุ่นที่ 31/2 ได้เข้าร่วมการศึกษาดูงาน ณ Seisen-ryo เพื่อเรียนรู้แนวคิดและปรัชญาการทำงานที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
กิจกรรมเริ่มต้นด้วยการศึกษาประวัติของ ดร. พอล รัช (Dr. Paul Rusch) ผู้ก่อตั้งและผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแนวคิด “Do Your Best” หรือ “ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด” ซึ่งเป็นปรัชญาที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่น ความเรียบง่าย และความจริงใจในการทำงานเพื่อสังคม ถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงานของ Seisen-ryo จนถึงปัจจุบัน
กิจกรรมสำคัญของการดูงานคือ การเรียนรู้ธรรมชาติและการเดินป่า (Nature Education) ที่มุ่งเน้นการสังเกตสิ่งรอบตัวอย่างลึกซึ้งและสร้างความเข้าใจต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า Seisen-ryo ถือเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ธรรมชาติแห่งแรกของญี่ปุ่น ซึ่งโรงเรียนและครูมักพานักเรียนมาทัศนศึกษา เพื่อปลูกฝังความรักและความเคารพต่อธรรมชาติ
นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้ศึกษาการสร้างคุณค่าทางธุรกิจผ่านแนวคิด “คุณภาพและความยั่งยืน” โดยมีตัวอย่างจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงจากฟาร์มเจอร์ซีย์ออร์แกนิกมาสร้างสรรค์เป็นสินค้าที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์
การศึกษาดูงานในครั้งนี้จึงไม่เพียงมอบประสบการณ์ทางธรรมชาติ แต่ยังสะท้อนแนวคิดเชิงกลยุทธ์ที่ผสานปรัชญาการทำงานเข้ากับการบริหารธุรกิจอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน
วันที่ 4 ของการศึกษาดูงาน (6 พฤศจิกายน 2568)
ณ บริษัท Hashimoto Sogyo Co., Ltd. เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
คณะนิสิตหลักสูตร MBA Young Executive รุ่นที่ 31/2 ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากท่านประธานและคณะผู้บริหารของ บริษัท Hashimoto Sogyo Co., Ltd. ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นที่มีความโดดเด่นด้านโลจิสติกส์ การบริหารจัดการธุรกิจแบบบูรณาการ และการสร้างคุณค่าร่วมกับทุกภาคส่วนของสังคม
การบรรยายได้ถ่ายทอดภาพรวมขององค์กรและแนวทางการดำเนินธุรกิจภายใต้ปรัชญา “Value for All Stakeholders” โดยมีกลยุทธ์สำคัญ ได้แก่
Challenge 10 / 3 Fulls / 7 Mirai Projects
ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างคุณค่าให้กับทุกฝ่ายในห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ผู้ผลิตไปจนถึงผู้บริโภคขั้นสุดท้าย
บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องผ่านแนวคิด Evolving Activities และการจัดตั้ง Mirai Academy เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะ และการฝึกอบรมบุคลากร ภายใต้หลักความยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ Hashimoto Sogyo ยังดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรจากระบบ Top-down สู่ Bottom-up เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรมีความสามารถในการพึ่งพาตนเอง (Self-reliance) และเติบโตไปพร้อมกับองค์กรอย่างมีส่วนร่วม
เป้าหมายหลักของ HAT (Hashimoto Advanced Technology)
ก้าวสู่การเป็นองค์กรอันดับ 1 ในระดับภูมิภาค และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า
เสริมสร้างความแข็งแกร่งของเครือข่ายภายในกลุ่ม (Mirai Group Strengthening)
มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีเอกลักษณ์ (Distinctive Company) ด้วยแนวคิด 7 Mirai
ผู้บริหารยังได้แบ่งปันมุมมองต่อความท้าทายของอุตสาหกรรมในยุคปัจจุบัน ทั้งระดับโลกและระดับประเทศ เช่น สถานการณ์ “Global Trump” และ “Japan Takaichi” นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลให้ HAT มุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งภายใน และปรับตัวด้วยแนวคิด “Renovate – Reform & Renewal” เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ในช่วงการศึกษาดูงาน นิสิตยังได้ร่วมกิจกรรม ฝึกปฏิบัติการเชื่อมต่อท่อน้ำ (Joining / Cutting / Welding) ซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบลงมือทำ เพื่อฝึกการทำงานเป็นทีมและเข้าใจการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในภาคอุตสาหกรรมจริง
ข้อคิดสำคัญจาก HAT
“Honest, Empathy, and Commitment”
ความจริงใจ การรักษาคำพูด ความเอื้ออาทร และความตั้งใจในการทำงาน คือรากฐานของความสัมพันธ์และเครือข่ายที่ยั่งยืน
ในด้านเทคโนโลยี HAT ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับ AI และ BIM (Building Information Modeling) เพื่อรวบรวมข้อมูลด้านการออกแบบ การจำลอง (VR / Mock-up / Animation) และการวิเคราะห์วัสดุ (Material Analysis) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้างและบริหารโครงการ
ศูนย์ฝึกอบรมของ HAT ใช้แนวทาง Solution-Based Learning ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะได้อย่างเท่าเทียม พร้อมทั้งมีโครงการต้นแบบด้านพลังงานแสงอาทิตย์ (Model-T for Solar Power) เป็นตัวอย่างของการนำนวัตกรรมสู่ความยั่งยืน
การศึกษาดูงานในครั้งนี้ไม่เพียงมอบองค์ความรู้ด้านกลยุทธ์และการบริหารองค์กร แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้คณะนิสิตตระหนักถึงคุณค่าของการ “ใส่ใจและสร้างคุณค่า” ให้กับผู้คนและสังคม ซึ่งเป็นหัวใจของ Hashimoto Sogyo และเป็นแนวคิดสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกธุรกิจปัจจุบัน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save