นิสิต Executive MBA รุ่น 38 เรียนรู้ในและนอกห้องเรียนผ่านวิชา Global Immersive Experience ณเมือง Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส
ในการเสริมสร้าง Global Business Mindset ให้กับนิสิต MBA ทางหลักสูตรฯ ได้นำนิสิต Executive MBA รุ่น 38 มาเยือนเมือง Bordeaux ประเทศฝรั่งเศสเพื่อให้นิสิตเรียนรู้ในและนอกห้องเรียนผ่าน Global Immersive Experience ในธีม Wine Management ซึ่งไวน์ถือเป็นสิ่งที่ขึ้นชื่อของเมือง Bordeaux
ในวันแรก นิสิตได้รับฟังการบรรยายจาก Prof. Herve อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจไวน์ จาก Kedge Business School ทำให้ทราบถึงการแข่งขันในตลาดปัจจุบันของไวน์จากเมือง Bordeaux รวมไปถึงการลงทุนในไวน์ซึ่งมีตลาดฟิวเจอร์สไวน์หรือที่เรียกว่า En Primeur ในการลงทุนในไวน์อีกด้วย
จุดเด่นของไวน์จากเมือง Bordeaux มีไวน์ประเภท AOC (Appellation d’Origine Contrôlée) จำนวนมาก AOC เป็นการรับรองว่าในกระบวนการผลิตไวน์ทุกขั้นตอน ไปจนถึงสถานที่ผลิตและวัตถุดิบต่าง ๆ จะมาจากพื้นที่นี้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นดิน หิน น้ำในการปลูกองุ่น ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไวน์ ไปจนถึงพันธุ์องุ่นที่สามารถใช้ได้ AOC สร้างจุดเด่นให้สินค้าพื้นเมืองคงเอกลักษณ์ของเมืองได้เป็นอย่างดี
หลักสูตรฯ ได้นำนิสิตเยี่ยมชมกระบวนการผลิตไวน์และพูดคุยสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ที่ Château d’Agassac ในพื้นที่ Ludon-Médoc และ Château Marquis de Terme ในพื้นที่ Margaux
ในวันที่ 2 การตลาดธุรกิจไวน์
ทางหลักสูตรฯได้พานิสิตเข้ารับฟังการบรรยายจาก Prof. Herve เรื่องการทำการตลาดธุรกิจไวน์ มี 2 ปัจจัยที่สำคัญในการแข่งขัน
ปัจจัยแรกคือ Easy to Buy เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้อย่างง่าย โดยอาจใช้รูปแบบ En Primeur เป็นการซื้อไวน์ล่วงหน้า โดยมีโบรกเกอร์ช่วยเจรจาในการซื้อขายระหว่างผู้ผลิตและพ่อค้า ก่อนที่พ่อค้าจะนำสินค้ากระจายไปยังช่องทางต่างๆ จนถึงมือผู้บริโภคในท้ายที่สุด
ปัจจัยที่สอง คือ Easy to Mind ทำให้ผู้บริโภคนึกถึงและจดจำสินค้าของผู้ผลิตเมื่อเลือกซื้อไวน์ การสร้างแบรนด์จึงสำคัญอย่างยิ่ง
ช่วงบ่าย Prof. Herve ได้พานิสิตเข้าเยี่ยมชม Wine Testing Lab และให้นิสิตได้เรียนรู้วิธีการชิมไวน์ เพื่อให้เข้าใจลักษณะและเสน่ห์ของไวน์มากขึ้น ประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอน ได้แก่ Watching (สี) Smelling (กลิ่น) และ Tasting (รสสัมผัส)
เมื่อชิมเปรียบเทียบไวน์จากบริเวณเดียวกันแต่ละคนละไร่ หรือไร่เดียวกันแต่คนละปี (Vintage) ก็จะทำให้เห็นความแตกต่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
วันที่ 3
‘Cité du Vin’ เป็นพิพิธภัณฑ์ไวน์ที่ดีที่สุดในโลก สะท้อนประวัติศาสตร์และความเป็นมาของการผลิตไวน์ที่มีมานานตั้งแต่สมัยอียิปต์ จนแพร่หลายไปทั่วโลก ที่กลมกลืนไปกับวัฒนธรรมประเทศต่างๆ เช่น กรีซ ญี่ปุ่น
เนื้อหาครอบคลุมหลากหลายมิติตั้งแต่ องค์ประกอบต่างๆ ในการผลิตไวน์ เช่น บรรจุภัณฑ์นวัตกรรมในการผลิตไวน์ และ Wine Architecture ไปจนถึงศาสตร์และศิลป์ของการดื่มไวน์ การนำเสนอในรูปแบบ Interactive สร้างความประทับใจ และช่วยเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับไวน์ของทั้ง Bordeaux และทั่วโลก
ในช่วงบ่าย นิสิตได้เยี่ยมชมตัวเมือง Bordeaux เพื่อชมวิถีชีวิตของชาวเมือง ซึ่งไวน์ได้กลมกลืนกลายเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญของผู้คนในเมืองนี้ สำหรับเมือง Bordeaux เป็นเมืองท่าที่สำคัญตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศฝรั่งเศส
วันที่ 4
วันที่ 4
หลักสูตรฯ พานิสิตเรียนรู้มุมมองด้านการบริหารในยุค Industry 4.0 ของประเทศฝรั่งเศสจาก Mr. Marc Bagur ผู้เชี่ยวชาญด้าน Human-Machine Performance จาก Airudit
Industry 4.0 ให้ความสำคัญแก่ดิจิทัลเทคโนโลยี เช่น Internet of Things (IoT) และ Artificial Intelligence (AI) ที่ช่วยให้เครื่องจักรหรือระบบต่างๆ สามารถทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการผลิต
ปัจจุบันหลายประเทศทั้งในยุโรป เอเชีย และอเมริกา ได้เล็งเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีในการทำงานร่วมกับมนุษย์และการสร้างคุณค่าให้แก่มนุษย์และสังคม หรือที่รู้จักในชื่อ Industry 5.0 โดยมีหัวใจสำคัญ 3 ประการ คือ Sustainability, Human Centric และ Resilience
นอกจากนี้ทางหลักสูตรฯ ได้เสริมสร้างมุมมองด้าน Industry 4.0 โดยนำนิสิตเข้าเยี่ยมชมโรงงาน EMS และฟังบรรยายโดย Mr. Raphaël Mouneyres
EMS เป็น Smart Factory ที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีในการผลิตอิเล็กทรอนิกส์บอร์ด ซึ่งเป็นสินค้าที่มีองค์ประกอบที่มีความซับซ้อน และต้อง customized โดยมีจุดเด่นคือสามารถผลิตได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับผู้ประกอบการสมัยใหม่ที่ต้องการความคล่องตัวสูง เชื่อมโยงห่วงโซ่มูลค่าตามหลักการ Industry 4.0